สรรพคุณขมิ้นชัน กับสุขภาพและความงาม

ขมิ้นหรือขมิ้นชัน มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma Domestica Yaleton Turmeric มีชื่อสามัญที่ใช้เรียกกันทั่วโลกว่าเทอร์เมอริก(Turmeric) มีต้นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพืชไม้ล้มลุกตระกูลขิง มีเหง้าอยู่ในดิน เนื้อในของเหง้ามีหลายสีตั้งแต่สีเหลืองอ่อน สีเหลืองเข้ม จนไปถึงสีแสด มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและรสฝาด ลำต้นมีความสูงประมาณ 30-90เซนติเมตร ใบเดี่ยว ลักษณะเป็นรูปหอก ดอกมีสีเหลืองและชอบขึ้นในพื้นที่ที่มีความชื้นแฉะ

ขมิ้นชันมีสารที่ออกฤทธิ์เป็นยาคือ สารเคอร์คูมินอย และน้ำมันหอมระเหย อีกทั้งยังมีสารอาหารอื่น ๆอีก ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินบีรวม วิตามินซี วิตามินอี แคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เกลือแร่ เส้นใยอาหาร คาร์โบไฮเดรตและ โปรตีน ซึ่งสารอาหารมากมายเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา นอกจากนี้ขมิ้นชันยังสามารถนำมาบริโภคได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะนำมาปรุงแต่งอาหารหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่าง ๆเพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ผู้บริโภค อาทิเช่น ทำเป็นสคับขัดผิวตัวหรือผิวหน้า สบู่ ยาสระผม ครีมบำรุงผิว ยาสีฟัน หรือทำสารสกัดขมิ้นชันออกมาในรูปแบบผง แคปซูลเพื่อง่ายต่อการรับประทาน ดังนั้นขมิ้นชันถือว่าเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมในหลากหลายรูปแบบ
สรรพคุณของขมิ้นชันจำแนก ได้2ประเภทใหญ่ๆคือ สรรพคุณภายนอกกับการบำรุงผิวภาย และสรรพคุณภายในกับการดูแลสุขภาพ

สรรพคุณภายนอกกับการบำรุงผิวภาย
ขมิ้นชันได้ถูกใช้เป็นส่วนผสม ในการดูแลผิวพรรณ ตั้งแต่สมัยโบราณ คนไทยนิยมนำสมุนไพรตัวนี้มาขัดผิวเพื่อให้ผิวนวลผ่อง ขาวเนียน สุขภาพดี เรามาดูวิธีกันค่ะว่าเราสามารถใช้ขมิ้นชันอย่างไรได้บ้าง

ช่วยให้ผิวขาวสุขภาพดี
นำผงขมิ้นชัน มาผสมกับน้ำสะอาด และดินสอพอง คนให้เข้ากัน แล้วนำมาขัดเบาๆบริเวณลำตัวทิ้ง ไว้20นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะสังเกตได้ ชัดเจนว่า ผิวของคุณจะขาวใสขึ้น นั่นเป็นเพราะใน ขมิ้นชันอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆที่มี ประโยชน์ต่อการปรนนิบัติผิวได้เป็นอย่างดี

ช่วยสมานแผล
เนื่องจากในขมิ้นชันมีวิตามินซี ธาตุเหล็ก และโปรตีน เป็นสารอาหารที่มีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวบริเวณที่เป็นแผลเกิดการสมานตัวได้เร็วขึ้น ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อได้ เพียงคุณนำผงขมิ้นชันมาผสมกับน้ำสะอาด ทาลงบนแผล จะช่วยให้แผลแห้งและหายเร็วขึ้น

ทำให้สิวยุบตัวเร็วขึ้นและลดการอักเสบ
วิธีใช้คือ นำผงขมิ้นชัน และน้ำมะนาว มาผสมให้เป็น เนื้อเดียวกัน แต้มบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้10-15นาที หรือทิ้งไว้ตอนนอนทั้งคืนก็ได้ ภายใน1-3วันจะทำให้ สิวแห้งและยุบตัวลง รวมไปถึงช่วยลดรอยด่างดำ จากสิวได้อีกเช่นกัน เพราะขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการต่อ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยฆ่าเชื้อโรคบน ผิวหนังได้

ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนและลดความ มันบนใบหน้า
นำผงขมิ้นชัน ดินสอพอง น้ำมะนาวหรือ น้ำมะขามเปียกมาผสมให้แป็นเนื้อเดียวกัน พอกทั่วใบหน้าทิ้งไว้10-15นาที(เนื่องจากน้ำมะนาวมีฤทธิ์ เป็นกรดอาจจะทำให้แสบหน้าเล็กน้อยเราสามารถ เติมน้ำเปล่าผสมลงไปเพื่อเจือจางได้)จากนั้นล้าง ออกด้วยน้ำอุ่น1ครั้ง ตามด้วยน้ำเย็น1ครั้ง จะช่วย ให้รูขุมขนกระชับ ทำติดต่อกัน1-2ครั้งต่อสัปดาห์ จะ ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้นและขจัดความมันส่วน เกินได้อีกด้วย

สรรพคุณภายในกับการดูแลสุขภาพ
การรับประทานขมิ้นชัน จะสามารถบรรเทาอาการของโรคได้ เพราะในขมิ้นชันมีสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆมากมายที่มีสรรพคุณทางยาและมีคุณค่าทางสารอาหาร เมื่อนำมารับประทานจึงก่อให้เกิดประโยชน์ในทางที่ดีให้แก่ร่างกาย ของเราได้นั่นเอง

ช่วยทำให้ผิวขาวและชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
เพราะในขมิ้นชันอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี1,บี2, บี3และเกลือแร่ ซึ่งจะช่วยซ่อมแซม และบำรุงผิวพรรณให้ขาวใส มีสุขภาพดี รวมถึงมีสารเคอร์คูมินอย ซึ่งออกฤทธิ์ในการป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระในเซลล์ ผิว ช่วยขับและสลายสารพิษที่ไม่ดีในชั้นผิวให้ออกไป ป้องกันการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและยังช่วยบำรุง ผิวที่แห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื่น เพียงรับประทานสดๆวันละ1.5-3กรัมต่อวันหรือนำผงขมิ้นชัน1ช้อนพูน ผสมกับน้ำอุ่น500มิลลิลิตร ชงดื่มเป็น ประจำ

ช่วยในเรื่องกรดไหลย้อน
สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคกรดไหลย้อน การรับประทานขมิ้นชันจะช่วยกระตุ้นกระบวนการหลั่งของน้ำดี ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น รวมไปถึงน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ในรากและเหง้าของขมิ้นชันจะมีฤทธิ์ร้อนจึงช่วยในการขับลม ช่วยลดแก๊ส และลดกรดเกินในกะเพาะอาหาร ทำให้อาการลมจุก เสียดแสบร้อนในช่วงอกในช่องท้องทุเลาลงได้

บรรเทาอาการของผู้ป่วยโรคกระเพาะ
อาการของโรคกระเพาะคือมีการปวดจุกแน่นบริเวณใต้ลิ้นปี่และปวดท้องเป็นประจำทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหารหรือขณะท้องว่าง แต่อาการเหล่านี้สามารถบรรเทาได้ด้วยการรับประทานขมิ้นมัน เพราะน้ำมันหอมระเหยในขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยเคลือบและสมานแผลในกระเพาะอาหารรวมทั้งป้องกันการเกิดแผลในกะเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี

ช่วยในการลดน้ำหนัก
โดยการรับประทานผงขมิ้นชันประมาณ3กรัมผสมกับโยเกิร์ต150มิลลิลิตรเป็นประจำทุกวันจะช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากขมิ้นชันมีสารโฟโตสเตอรอลจะเข้าไปยับยั้งการดูดซึมคอลเลสเตอรอลที่เข้าสู่ร่างกาย และสารเคอร์คูมินจะช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือดให้ลดลง แถมยังช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้ดีขึ้นด้วย

ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมได้
เพราะในขมิ้นชันมีสารเคอร์คูมินอยด์ช่วยยับยั้งการเกิดเอนไซม์acetyl-cholinesterase ที่ทำลายเซลล์สมอง ช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อสมองซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับสมองเสื่อมได้ รวมไปถึงลดความเสียหายของเซลล์สมองที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระได้อีกด้วย

ช่วยบรรเทาอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม
อาการปวดเข่า เจ็บเข่า เป็นอาการที่พบได้บ่อยจากการทำงานหนักๆในแต่ละวันและอาจจะรุนแรงถึงขั้นเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม การรับประทานขมิ้นชันจึงเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดลงได้ เพราะสารเคอร์คูมินอยในขมิ้นชันมีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบได้เหมือนกับยาต้านการอักเสบไดโคลฟีแนคของยาแผนปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดการอักเสบได้อีกทางหนึ่ง

ป้องกันโรคริดสีดวงทวาร
ริดสีดวงเกิดจากการอักเสบของหลอดเลือดดำรอบทวารหนัก ซึ่งก่อให้เกิดอาการปวด และขับถ่ายลำบาก การรับประทานขมิ้นชัน จะมีส่วนช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น และมีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ช่วยฆ่าเชื้อโรครวมถึง มีส่วนช่วยให้เนื้อเยื่อกระชับและเกิดการสมานตัวที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทั้งการรับประทานและเป็นยาทาภายนอก

ข้อควรระวังของการใช้ขมิ้นชัน

โดยปกติแล้วขมิ้นชันถือเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มากกว่าให้โทษ สำหรับคนส่วนใหญ่การรับประทานขมิ้นชันถือว่ามีผลข้างเคียงที่น้อยมาก แต่ก็มีบุคคลเพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่ไม่สามารถรับประทานได้ คือ

1.สตรีมีครรภ์ ขมิ้นชันมีฤทธิ์ที่ทำให้เกิดการบีบตัวของมดลูกทำให้เสี่ยงต่อการแท้งบุตรได้

2.ผู้ป่วยที่เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี และผู้ป่วยโรคท่อน้ำดีอุดตัน เพราะการรับประทานขมิ้นชันจะทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีมากยิ่งขึ้นเนื่องจากสารเคอร์คูมินอยจะไปกระตุ้นการบีบตัวของถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีทำงานได้ไม่ดีนัก

3.ผู้ที่มีอาการปวดหัว คลื่นใส้ อาเจียนหลังการรับประทานมิ้นชัน ควรหยุดรับประทานทันทีเพราะนั่น บ่งบอกถึงอาการแพ้ยา

ขอบคุณข้อมูลจาก: wikipedia, sanook, honestdoc, medthai, Kapook