น้ำส้มสายชูจัดได้ว่าเป็นของดีมาจากโบราณเลยก็ว่าได้ เพราะมนุษย์เราในสมัยนั้นรู้จักการผลิตและการนำน้ำส้มสายชูมาเพื่อใช้ในการประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารยุโรป อาหารแถบเอเชียหรือแม้แต่อาหารไทย น้ำส้มสายชู (Vinegar) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการหมัก คำว่า Vinegar มาจาก คำว่า Vin aigre ในภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ไวน์เปรี้ยว และน้ำส้มสายชูก็เกิดจากการหมักจนทำให้เกิดกรดน้ำส้ม ซึ่งมีรสเปรี้ยวเหมือนกัน ส่วนประเทศไทยคำว่าน้ำน้ำส้มสายชู น่าจะมากจากคำในประเทศจีนเพราะมีหลักฐานทางโบราณว่าคนซานซีเป็นผู้คิดค้นการหมักน้ำส้มสายชูอย่างน้อย 2,480 ปี หนังสือบันทึกวิชาการสำคัญ ฉีหมิ่นเย้าซู ได้กล่าวไว้ว่า “ชู่”แปลว่าน้ำส้มสายชูจีนในปัจจุบัน คำว่า “น้ำส้ม”มาจากรสเปรี้ยว และคำว่า “สายชู”มาจากแหล่งกำเนิดชาว “ซานซี” หรือ “ซานซู่” จนมาเป็นคำว่า”น้ำส้มซานซู่”และเรียกเพี้ยนกันมาในปัจจุบัน จนเป็นคำว่า “น้ำส้มสายชู”นั่นเอง
ถ้าพูดถึงน้ำส้มสายชู บางคนอาจเกิดข้อสงสัยว่า น้ำส้มสายชูกลั่นกับน้ำส้มชายชูหมัก เหมือนกันไหม มีความแตกต่างกันอย่างไร น้ำส้มสายชูกลั่นคือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำแอลกอฮอล์กลั่นเจือจางมาหมักกับหัวเชื้อน้ำส้มสายชูหรือได้จากการน้ำส้มสายชูหมักมากลั่นอีก 1 รอบ ลักษณะใส ไม่มีตะกอน และมีปริมาณน้ำส้ม ไม่น้อยกว่า 4% รสเปรี้ยวแหลม ไม่มีกลิ่น ส่วนน้ำส้มสายชูหมักคือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำผลไม้มาหมักกับน้ำตาลหรือผลไม้หมักกับยีสต์แล้วนำมาหมักกับหัวเชื้อน้ำส้มสายชูตามกรรมวิธีตามธรรมชาติ ลักษณะใส อาจมีตะกอนเจือปนบ้างเป็นเพราะหมักโดยธรรมชาติ ส่วนสีจะแตกต่างกันไปตามวัตถุดิบที่นำมาหมัก อาจมีสีเหลือง ไปจนถึงสีน้ำตาลไหม้ และมีปริมาณกรดน้ำส้มไม่น้อยกว่า 4% ผลไม้ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับทั่วโลกในการนำมาทำน้ำส้มสายชูหมักคือ แอปเปิ้ล จะมีชื่อเรียกโดยทั่วไปว่าน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล หรือแอปเปิ้ลไซเดอร์ (Apple Cider Vinegar) แต่สำหรับผลไม้อื่นๆ ก็สามารถนำมาหมักได้เช่นกัน เช่น สับปะรด กล้วยน้ำหว้า อ้อย มะพร้าวน้ำหอม ลิ้นจี่ ลูกพลัม และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ เป็นต้น จะเรียกว่า น้ำส้มสายชูหมักผลไม้
ประโยชน์ของน้ำส้มสายชูหมัก
1.น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล หรือแอปเปิ้ลไซเดอร์นั้นจะมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งจะช่วยในการแบ่งเซลล์ ทำให้ร่างกายของเราเกิดการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดีขึ้น มีส่วนช่วยชะลอความแก่ของเซลล์ต่างๆ และยังช่วยให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นช้าลง ลดการเกิดผมหงอกก่อนวัยอันควรได้
2. ช่วยลดน้ำหนัก รู้หรือไม่ว่าน้ำส้มสายชูหมักจากธรรมชาตินั้นให้พลังงานเพียง 3 แคลอรี่/ช้อนโต๊ะเท่านั้น จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก การดื่มน้ำส้มสายชูหมักเพียง 1 ช้อนชาผสมกับน้ำอุ่น หรือน้ำผลไม้ 2 แก้ว ดื่มก่อนรับประทานอาหารติดต่อกัน 12 สัปดาห์จะช่วยลดความอยากอาหารทำให้รับประทานได้น้อยลง และยังช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมไขมันและน้ำตาลไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนสังเกตได้ว่าน้ำหนักตัวของคุณจะลดลงเรื่อยๆ จนเป็นที่น่าพอใจ
3. ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อปวดกระดูก อาการปวดเมื่อย ปวดกระดูก อาจเกิดจากการที่ร่างกายขาดโพแทสเซียม เป็นที่ทราบกันดีว่าในน้ำส้มสายชูหมักมีธาตุโพแทสเซียมสูง การดื่มน้ำส้มสายชูหมัก 1 ช้อน ผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้วจะช่วยทำให้อาการปวดทุเลาลงได้ และยังเป็นการป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนได้อีกทางหนึ่ง แต่สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนอยู่แล้วนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทาน
4. สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน การดื่มน้ำส้มสายชูหมัก 2ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้วก่อนนอน จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ด้วยกรดไกลซีมิกในน้ำส้มสายชูหมักจะมีส่วนช่วยทำให้การย่อยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนถูกปล่อยไปเป็นน้ำตาลช้าลง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่และยังช่วยยับยั้งการหลั่งของอินซูลินทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้นั่นเอง
5. ผู้ที่มีอาการของโรคกรดไหลย้อน สามารถดื่มน้ำส้มสายชูหมักเพื่อบรรเทาอาการได้ เพราะด้วยกรดอะซิติกและจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในน้ำส้มสายชูหมักนั้น จะเข้าไปช่วยระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยนำน้ำส้มสายชูหมักผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว ดื่มก่อนการรับประทานอาหาร จะช่วยทำให้อาการแสบร้อนกลางอก คลื่นไส้ ทุเลาลงได้
6. ผู้ที่มีกลิ่นตัว การใช้น้ำส้มสายชูหมักเจือจางกับน้ำสะอาดชุบด้วยสำลีแล้วนำมาทาทิ้งไว้ที่ใต้รักแร้ทิ้งไว้จนแห้งสนิทโดยไม่ต้องล้างออกจะทำให้กลิ่นตัวของคุณลดลงอย่างเห็นผล (กรณีนี้ควรทำตอนอยู่ที่บ้านหรือ ตอนก่อนนอน เพราะด้วยกลิ่นของน้ำส้มสายชูหมักอาจจะทำให้คนรอบข้างหันหน้าหนีได้) เพราะด้วยสรรพคุณของน้ำส้มสายชูหมักมีส่วนช่วยในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเป็นยาฆ่าเชื้อจากธรรมชาติจึง สามารถลดกลิ่นใต้วงแขนได้
7. ช่วยปรับสมดุลและลดรังแคที่หนังศีรษะ คงไม่ดีนักถ้าหนังศีรษะของคุณเกิดรังแค จนทำให้เกิดความไม่มั่นใจเวลาจะเสยผมแต่ละครั้ง วิธีที่ช่วยสร้าง ความมั่นใจให้กับคุณได้ คือ การนำน้ำส้มสายชูหมักมาผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วนเท่าๆกัน 1/4 ถ้วย เทลงในขวดสเปรย์ แล้วนำมาฉีดลงบนศีรษะ ทิ้งไว้ 1 ชม. จึงล้างออก จะช่วยเปลี่ยนค่า PH บนหนังศีรษะให้มีความเหมาะสม ไม่มันและไม่แห้งจนเกินไปและยังช่วยหยุดการเจริญเติบโตของยีสต์สาเหตุหลักของการเกิดรังแคอีกด้วย
8. สำหรับสาวๆที่มีปัญหาผมแห้งแตกปลาย ชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก ซึ่งมักเกิดจากการทำเคมีบ่อยๆ เช่น การดัด การยืด การย้อม น้ำส้มสายชูหมักจะช่วยทำให้เส้นผมกลับมามีสุขภาพดีได้ วิธีง่ายๆคือ หลังการสระผม ให้ นำน้ำส้มสายชูหมัก 1/3 ถ้วย ผสมกับน้ำเปล่า 1 ถ้วย ชโลมลงบนเส้นผมให้ทั่วศีรษะโดยไม่ต้องล้างออก กรดอะซิติกและวิตามินต่างๆในนำน้ำส้มสายชูหมัก จะช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรง ไม่แตกปลาย และมีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง
9. ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ เพียงนำน้ำส้มสายชูหมัก 1 ส่วนผสมกับน้ำเปล่า 2 ส่วน มากลั้วปากประมาณ 1 นาที น้ำส้มสายชูหมักจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปากและลำคอ ทำให้อาการเจ็บคอค่อยๆ ทุเลาลง
10. ช่วยขับของเสียในร่างกาย การดื่มน้ำส้มสายชูหมัก1-2ช้อนชา ผสมน้ำอุ่นหรือน้ำผลไม้ก่อนมื้ออาหาร 30 นาที(เช้า กลางวัน หรือมื้อเย็น แล้วแต่สะดวก) จะช่วยดีท๊อกซ์ของเสียออกจากร่างกาย เพราะในน้ำส้มสามยชูหมักมีวิตามิน แร่ธาตุ และเอนไซม์ที่จะช่วยเสริมขบวนการกำจัดพิษในร่างกายให้ง่ายต่อการขับถ่าย ช่วยเร่งการย่อยเมือกในร่างกายออกทางระบบน้ำเหลือง ทำให้ต่อมน้ำเหลืองสะอาดและช่วยให้ระบบการไหลเวียนดีขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดภายในตับ และช่วยกำจัดพิษในตับได้เช่นกัน
น้ำส้มสายชูหมักแม้จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากเพียงใด ก็ให้โทษกับร่างกายได้เช่นกัน ก่อนการรับประทาน ควรผสมเจือจางก่อน ไม่ว่าจะผสมกับน้ำเปล่า น้ำอุ่น หรือน้ำผลไม้ เพราะหากดื่มโดยไม่เจือจางก่อนอาจจะ ทำลายเนื้อเยื่อในช่องปากและลำคอได้ รวมถึงจะทำให้เคลือบฟันกร่อนและหากรับประทานไม่ถูกวิธีอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดการปวดแสบในกระเพาะอาหารได้ เพราะมีฤทธิ์เป็นกรด สำหรับผู้ที่ป่วย เป็นโรคกระกระดูกพรุน โรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน ส่วนหญิงมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร และหญิงวัยทองหลังหมดประจำเดือนใหม่ๆ ไม่ควรรับประทาน
ขอบคุณข้อมูลจาก greenery, lovefitt, technologychaoban, honestdocs, postjung, healthplatz
Leave a Reply