เว็บไซต์ข้อมูลด้านอาหารและสุขภาพ

ประโยชน์ของวิตามินซี ความลับที่หลายคนไม่รู้!

วิตามินซี หรือกรด แอสคอบิค (Ascobic Acid) เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ ต้องอาศัยการรับประทานเข้าไปเพื่อเสริมสร้างคุณประโยชน์แก่ร่างกาย วิตามินซีเป็นวิตามินที่สามารถละลายน้ำได้ ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีเข้าไปแล้วจะสามารถขับออกมาทางปัสสาวะและทางเหงื่อทำให้เราไม่ต้องกังวลว่า ร่างกายจะได้รับวิตามินซีในปริมาณที่มากจนเกินไป บทบาทหลักของวิตามินซีคือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ซึ่งช่วยป้องกันร่างกายจากสารอนุมูลอิสระที่เกิดจากขบวนการสันดาปในร่างกายหรือจากมลพิษต่างๆ ซึ่งสารอนุมูลอิสระนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เซลล์ต่างๆภายในร่างกายเกิดความเสื่อมสภาพลงนั่นเอง วิตามินซีเป็นวิตามินที่เราสามารถหามารับประทานได้โดยง่าย เนื่องจากมีอยู่มากมายในผักและผลไม้หลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น ลูกพลัม ส้ม พุทธา ฝรั่ง กีวี สตอเบอร์รี่ มะละกอ มะขามป้อม มะม่วง มะนาว สับปะรด ผลไม้ตระกูลส้มและตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ ส่วนในผักบางประเภทก็อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น พริกเหลืองหวาน กะหล่ำปลี บร็อคโคลี่ ผักคะน้า มะรุม และชะอม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากวิตามินซี ออกมาหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบอัดเม็ด แคปซูล หรือเป็นเม็ดเคี้ยว แบบฟองฟู่ ให้ชงดื่ม ตลอดจนแบบสารละลายเพื่อฉีดเข้าร่างกายเพื่อความงาม นอกจากนี้ยังมีการนำสารสกัดจากวิตามินซีไปใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค เช่น ครีมอาบน้ำ สบู่ โลชั่นทาผิว ครีมทาหน้า ยาสระผม และครีมนวดผมเป็นต้น…

วิตามินซี หรือกรด แอสคอบิค (Ascobic Acid) เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ ต้องอาศัยการรับประทานเข้าไปเพื่อเสริมสร้างคุณประโยชน์แก่ร่างกาย วิตามินซีเป็นวิตามินที่สามารถละลายน้ำได้ ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีเข้าไปแล้วจะสามารถขับออกมาทางปัสสาวะและทางเหงื่อทำให้เราไม่ต้องกังวลว่า ร่างกายจะได้รับวิตามินซีในปริมาณที่มากจนเกินไป

บทบาทหลักของวิตามินซีคือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ซึ่งช่วยป้องกันร่างกายจากสารอนุมูลอิสระที่เกิดจากขบวนการสันดาปในร่างกายหรือจากมลพิษต่างๆ ซึ่งสารอนุมูลอิสระนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เซลล์ต่างๆภายในร่างกายเกิดความเสื่อมสภาพลงนั่นเอง

วิตามินซีเป็นวิตามินที่เราสามารถหามารับประทานได้โดยง่าย เนื่องจากมีอยู่มากมายในผักและผลไม้หลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น ลูกพลัม ส้ม พุทธา ฝรั่ง กีวี สตอเบอร์รี่ มะละกอ มะขามป้อม มะม่วง มะนาว สับปะรด ผลไม้ตระกูลส้มและตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ ส่วนในผักบางประเภทก็อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น พริกเหลืองหวาน กะหล่ำปลี บร็อคโคลี่ ผักคะน้า มะรุม และชะอม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากวิตามินซี ออกมาหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบอัดเม็ด แคปซูล หรือเป็นเม็ดเคี้ยว แบบฟองฟู่ ให้ชงดื่ม ตลอดจนแบบสารละลายเพื่อฉีดเข้าร่างกายเพื่อความงาม นอกจากนี้ยังมีการนำสารสกัดจากวิตามินซีไปใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค เช่น ครีมอาบน้ำ สบู่ โลชั่นทาผิว ครีมทาหน้า ยาสระผม และครีมนวดผมเป็นต้น ซึ่งช่วยให้เรามีความสะดวกสบายในการหามาใช้ได้ง่ายมากขึ้น

ประโยชน์ของวิตามินซี

วิตามินซีช่วยอะไรบ้าง?


ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตวิตามิซีเองได้ เราจึงต้องรับประทานวิตามินซีเข้าไปเพื่อเป็นตัวช่วยของกรดอะมิโนในการผลิตโพรลีนซึ่งเป็นสารที่จำเป็นในการผลิตคอลลาเจน ที่จะช่วยทำให้ผิวดูเรียบ เต่งตึงขึ้น


ช่วยชะลอวัย
สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ในวิตามินซีสามารถช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายจากมลภาวะต่างๆ และยังช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังให้แข็งแรง จึงช่วยลดการเหี่ยวย่น และริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้ดี


บำรุงผิวให้ขาวใส เปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี
การรับประทานวิตามินซีในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวันเป็นประจำนั้น จะช่วยให้ผิวของคุณขาวใส เปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี เพราะวิตามินซีจะช่วยยับยั้งเอนไซม์ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเม็ดสีผิวให้ผลิตน้อยลง จึงช่วยให้ผิวดูกระจ่าง ใสมากขึ้น


ลดอาการอักเสบ และรอยด่างดำจากสิว
เพราะวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวให้แข็งแรง จึงช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น ป้องกันการเกิดจุดด่างดำ ช่วยต้านการติดเชื้อ และลดการอักเสบของสิวได้ดี


ปกป้องผิวคล้ำเสียจากแดด
แสงยูวีเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้ผิว หมองคล้ำ หยาบกร้าน และเกิดริ้วรอยต่างๆ ซึ่งหากเรารับประทานวิตามินซีเป็นประจำ จะช่วยป้องกันปัญหาของผิวจากการโดนแสงแดดทำร้ายได้

ต้านไวรัส เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเม็ดเลือดขาว ช่วยให้ภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรง ต้านทานเชื้อไวรัสได้


ป้องกันโรคหวัดและภูมิแพ้
การรับประทานวิตามินซีวันละ 2,000มิลลิกรัม เมื่อมีอาการหวัดหรือภูมิแพ้ สามารถช่วยบรรเทาอาการต่างๆให้ทุเลาลงได้ โดยทั่วไปแล้ว ตามศาสตร์ชะลอวัยคนเราควรทานวิตามินซีวันละ1,000มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน และบำรุงผิวพรรณให้ดูเปล่งปลั่ง และอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

ผลไม้ที่มีวิตามินซี

ช่วยสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
วิตามินซี สามารถช่วยลดการอักเสบของแผล และป้องกันการบวมช้ำ นอกจากนี้ ยังเร่งการสมานแผลของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังให้กลับมาเป็นปกติและลดความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็นอีกด้วย

ช่วยบรรเทาอาการปวดแผล
วิตามินซีมีคุณสมบัติช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง จึงทำให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณบาดแผลได้ดี ช่วยลดอาการอักเสบและบรรเทาอาการปวดของแผลได้

ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน หรือลักปิดลักเปิด
อาการเหงือกอักเสบเรื้อรังและเลือดออกตามไรฟันนั้นเกิดมาจากการที่ร่างกายอ่อนแอ และขาดวิตามินซี ดังนั้น เราควรบริโภควิตามินซีเป็นประจำ โดยการทานผัก ผลไม้ หรืออาหารเสริมเพื่อช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก
การรับประทานวิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ได้ดีขึ้น

ห่างไกลจากโรคหัวใจ
วิตามินซีมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและ กระตุ้นการผลิตไนตริกอออกไซด์ จึงช่วยลดความดันในเลือด ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ

ช่วยบำรุงดวงตา
รู้หรือไม่ว่าเนื้อเยื่อดวงตาของเรานั้นมีวิตามินซีเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ หากเราขาดวิตามินซีจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับดวงตามากมายอาทิ ต้อหิน และ ต้อกระจก เป็นต้น ดังนั้นเราจึงควรบริโภควิตามินซีให้เพียงพออยู่เป็นประจำ

ช่วยลดความตึงเครียด
วิตามินซีช่วยป้องกันการกระจายตัวของฮอร์โมนความเครียดหรือที่เรียกว่า ฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกิดขึ้นเวลาที่เราต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ทำให้เราเกิดความเครียด วิตก กังวล และความเครียดนี้เองก็ทำให้ร่างกายของเราผลิตสารอนุมูลอิสระออกมา ดังนั้นเราควรรับประทานวิตามินซีเพื่อช่วยลดการกระจายตัวของฮอร์โมนความเครียด และช่วยต้านสารอนุมูลอิสระในร่างกาย

เหมาะกับผู้ที่สูบบุหรี่
เพราะการสูบบุหรี่เพียง 1 มวน จะทำให้ร่างกายสูญเสียวิตามินซี 25-100มิลลิกรัม ผู้ที่สูบบุหรี่จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรับประทานวิตามินซีเพื่อทดแทนส่วนที่ร่างกายต้องเสียไปกับการสูบบุหรี่ในแต่ละครั้ง

ผลไม้วิตามินซีสูง

ข้อควรระวัง
1.ในแต่ละวัน ไม่ควรรับประทานวิตามินซีเกิน 8,000มิลลิกรัม เพราะหากรับประทานเกินปริมาณที่กำหนดนี้ อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
2.ไม่ควรรับประทานวิตามินซีตอนท้องว่าง เพราะจะทำให้เกิดอาการมเป็นกรด
3.หลังจากรับประทานวิตามินซีแล้ว ควรดื่มน้ำตามมากๆ
4.หากต้องการรับประทานวิตามินซีในปริมาณสูงควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย และให้ได้ผลสูงสุด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: Medthai, Foodstory, Bangkokhospital, Sanook

About Our Content Creators

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Integer semper commodo tristique. Donec in dolor a odio semper convallis et ac ex. Aenean at elit non arcu tincidunt laoreet.

We may earn a commission if you click on the links within this article. Learn more.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

More…!