น้ำผึ้ง (Honey) เกิดจากผลผลิตของน้ำหวานจากดอกไม้และจากแหล่งอื่นๆที่ผึ้งกินเข้าไปและน้ำหวานที่ผ่านการย่อยและผ่านเอ็นไซม์ในท้องผึ้ง ก็จะกลายเป็นน้ำผึ้งสะสมอยู่ในรังผึ้งนั่นเอง ซึ่งสีกลิ่นและรสชาติที่ได้ก็จะแตกต่างกันไปจากแหล่งที่มาของน้ำหวานนั้นๆ
น้ำผึ้งมีสารอาหารที่ให้ความหวาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติจำพวก กลูโคส ฟรักโทส มีแหล่งคาร์โบไฮเดรต มีแร่ธาตุ 8 ชนิด คือ แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ทองแดง สังกะสี และมีวิตามินบี 1 บี 2 บี 6 วิตามินซี กรดแพนโทธินิก กรดนิโคตินิก หรือเรียกโดยรวมว่า กลุ่มวิตามินบีคอมเพล็กซ์ และยังมีโปรตีน ผสมอยู่อีกด้วย
ประโยชน์ของน้ำผึ้งมีอะไรบ้าง?
- ช่วยชะลอความแก่ เพราะในน้ำผึ้งที่ได้จากธรรมชาติของเกสรดอกไม้นั้น จะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant ) จึงทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดการเหี่ยวย่นของผิวหนัง
- เมื่อนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ ทำให้ชุ่มชื่น มีน้ำมีนวล ดูอ่อนเยาว์สุขภาพดี ป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยลดสิวเสี้ยน สิวอุดตัน เพราะมีเอนไซม์จากธรรมชาติซึ่งช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่า และช่วยให้ผิวนุ่ม
- ช่วยในเรื่องความจำ เพราะมีวิตามินบี 1 วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 รวมถึงโปรตีน ซึ่งสารอาหารเหล่านั้นล้วนมีประโยชน์ต่อสมองทั้งสิ้น
- ช่วยบำรุงเส้นผมให้ชุ่มชื่น สุขภาพดี ไม่แตกปลาย โดยการนำมาผสมกับน้ำมันมะกอก แล้วหมักทิ้งไว้ เพราะในน้ำผึ้งมีเอนไซม์ที่ช่วยในการบำรุงผมและหนังศรีษะ
- เนื่องจากน้ำผึ้งให้ความหวานหอมเป็นธรรมชาติ จึงนิยมนำมาผสมในอาหาร เช่น ชา กาแฟ ขนม น้ำผลไม้ เป็นต้น
- ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตในเด็ก เพราะมีสารที่มีประโยชน์และให้ความหวานจากธรรมชาติ จึงช่วยเพิ่มพลังงาน และช่วยในการเจริญเติบโตในร่างกายอย่างดี
- ในน้ำผึ้งมีธาตุเหล็กปริมาณค่อนข้างสูง ดังนั้นเมื่อรับประทานแล้วจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และช่วยบำรุงเลือดในผู้ป่วยโรคโลหิตจางได้
- บำรุงหัวใจได้เพราะมีส่วนผสมของธาตุเหล็กซึ่งช่วยในการเพิ่มเม็ดเลือดแดง มีวิตามินซี วิตามินบี6 ที่มีส่วนช่วยทำให้หัวใจของเราแข็งแรง และสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น
- ช่วยบรรเทาอาการไอ เจ็บคอ เพราะในน้ำผึ้งมีส่วนประกอบของน้ำตาลเชิงซ้อน กรดอะมิโน สารพลาโวนอยด์ วิตามิน และแร่ธาตุ และมีสรรพคุณคล้ายยาปฏิชีวนะที่สามารถกำจัดเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการไอได้ ซึ่งสามารถทำเองได้ง่ายๆ โดยการนำน้ำผึ้งมาผสมกับน้ำมะนาวและเกลือเพื่อชงดื่ม
- บรรเทาอาการ ท้องผูก เพราะมีสารโพรไบโอติกส์ ที่เป็นมิตรกับแบคทีเรียจำพวกแลตโตบาซิลัส ช่วยเพิ่มจุลทรีย์ที่เป็นประโยชน์แก่ลำไส้ เพียงนำมาผสมกับน้ำอุ่นชงดื่มก่อนนอน
- ช่วยลดอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า เพราะในน้ำผึ้งมีน้ำตาลธรรมชาติ คือ น้ำตาลกลูโคส และฟรักโทส ที่สามารถย่อยและให้พลังงานแก่ร่างกาย และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
- ช่วยเพิ่มรายได้ โดยการทำผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งประกอบอยู่ด้วย เช่น สบู่ ครีมอาบน้ำ ยาสระผม ครีมทาผิว เป็นต้น
- ช่วยเพิ่มความสดชื่น ผ่อนคลาย และช่วยลดความตึงเครียด จากการทำงาน เพราะในน้ำผึ้งมีสารให้ความหวานซึ่งไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตอินซูลิน และหลั่งสารเซโรโทนินฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา ก็ช่วยให้อารมณ์ดี คลายเครียดเป็นอย่างดี
- ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันจากโรคต่าง ๆได้ดี เพราะน้ำผึ้งมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการหลายชนิด เช่น วิตามินบี แคลเซียม ทองแดง สังกะสี และแร่ธาตุเหล็ก เป็นต้น และยังมีสารต้านการอักเสบตามธรรมชาติอีกด้วย
- ช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้คงที่เพราะมีส่วนผสมของโพแทสเซียม ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการยืดหดตัวของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจ และยังช่วยควบคุมความดันเลือด ในร่างกายของเรา
- ช่วยรักษาอาการเมาค้างเพราะฟรุกโตสจากน้ำผึ้งจะช่วยเผาผลาญแอลกอฮอล์ให้เร็วขึ้น
- ช่วยแก้อาการเป็นตะคริว หรือลดภาวะการณ์เป็นตะคริว
- สามารถปกป้องผิวจากการถูกทำลายของรังสียูวี อันเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ เพราะในน้ำผึ้งมีสารต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ในผู้ป่วยโรคกระเพาะ เนื่องจากน้ำผึ้งมีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้กรดในกระเพาะอาหารเจือจางลง
- แก้อาการนอนไม่หลับ เพราะน้ำผึ้งมีกรดเดซิโนอิค (Decenoic acid) ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เพียงแค่รับประทานน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาก่อนเข้านอน ก็ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น
- บรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ เพราะในน้ำผึ้งมีอนุมูละลอองของเกสรขนาดเล็ก ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับก็จะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานมากขึ้น
- เป็นยาอายุวัฒนะ เพราะในน้ำผึ้งมีสารอาหาร แร่ธาตุ วิตามินต่างๆ จำนวนมาก เมื่อรับประทานเป็นประจำ จึงดีต่อสุขภาพ
- น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการช่วยย่อยอาหารจำพวกแป้ง จึงทำให้มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆตามธรรมชาติ จึงเหมาะในการช่วยแก้ปัญหาท้องผูกในเด็กและคนชราได้เป็นอย่างดี สามารถชงได้โดยนำน้ำผึ้งมาผสมกับน้ำมะนาวและน้ำอุ่นดื่ม จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียออกได้เป็นอย่างดี
- ช่วยลดน้ำหนัก เพราะความหวานของน้ำผึ้งจะช่วยให้เราลดความอยากทานของหวาน หรือขนม ทั้งยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ช่วยส่งเสริมการรักษาเชื้อราและอาการติดเชื้อจากแบคทีเรียเพราะน้ำผึ้งมีเอนไซม์ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อ เมื่อเรานำมาทาลงบนแผลช่วยฆ่าเชื้อและลดการอักเสบของแผลได้
แต่ทั้งนี้ เราต้องรับประทานน้ำผึ้งในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดโทษขึ้นได้ และการเลือกซื้อน้ำผึ้งก็สำคัญ เราควรสังเกตุ สี กลิ่น และรสชาติ ให้ละเอียดถี่ถ้วน ซื้อในแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ เพราะในปัจจุบันน้ำผึ้งแท้ค่อนข้างที่จะหายาก จึงทำให้มีการผลิตน้ำผึ้งปลอมขึ้นมาขายจำนวนมาก นอกจากนี้เด็กอายุต่ำกว่า 1ปี ไม่ควรบริโภคน้ำผึ้ง เพราะในน้ำผึ้งอาจมีเอนไซน์และสปอร์ของเชื้อคลอสตริเดียมโบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับเด็กเล็ก นอกจากนั้นผู้มีโรคเบาหวานควรรับประทานน้ำผึ้งด้วยความระวัง เพราะน้ำผึ้งมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบที่ค่อนข้างสูง ซึ่งสามารถทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงได้
Leave a Reply