สรรพคุณของว่านหางจระเข้ และประโยชน์ที่สาวๆไม่ควรพลาด

ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) มีถิ่นกำเนิดแถวตอนใต้ของทวีปแอฟริกาและแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งมีมากกว่า300ชนิด ลักษณะโดยทั่วไปของว่านหางจระเข้ คือ มีใบที่มีหนามแหลมอยู่ด้านข้าง เนื้อหนาและเมื่อนำเปลือกออกจะมีเมือกที่มีความเหนียวข้น ดอกของว่านหางจระเข้นั้นมีหลายสี เช่น สีแดง สีขาว และสีเหลือง ซึ่งสีของดอกก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์

ว่านหางจระเข้ เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ตั้งแต่ส่วนของราก ยาง ไปจนถึงส่วนของใบ ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ประโยชน์ทางด้านไหน ลักษณะอาการอะไร เพราะในว่านหางจระเข้ เป็นพืชที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินต่างๆมากมายเช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม ทองแดง แมงกานีส ซีลีเนียม โครเมียม วิตามินเอ วิตามินบี6 วิตามินบี9 วิตามินบี12 วิตามินซีและวิตามินอี ซึ่งในปัจจุบันมีผู้คิดค้นและผลิตสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ทำเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ออกมาในหลายรูปแบบ อาทิ เจล และยังนำมาทำเป็นส่วนผสมลงในผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น โลชั่นทาผิว ครีมบำรุงผิวหน้า สบู่ แชมพู รวมถึงนำมาแปรรูปทำเป็นขนม และเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพอีกด้วย ทำให้ผู้บริโภคอย่างเรามีทางเลือกและเพิ่มความสะดวกสบายในการได้ใช้ประโยชน์ของว่านหางจระเข้ได้อย่างหลากหลายมากขึ้น

ประโยชน์ของว่านหางจระเข้

• บำรุงผิวหลังการออกแดด
เพราะว่านหางจระเข้มีกรดซาลิซิลิก ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดการระคายเคือง และยังช่วยปรับสีผิวของเราให้สม่ำเสมอ รวมทั้งยังทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น

• บรรเทาอาการของแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
โดยการนำวุ้นในส่วนของใบมาล้างให้สะอาดก่อนและนำมาทาบริเวณที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก หากให้ได้ผลดีให้แผลหายเร็วขึ้น ควรทำภายใน 24 ชั่วโมง เพราะในว่านหางจระเข้มีสาร Aloctin A และ B ซึ่งเป็นสารที่ลดการอักเสบของแผล และเพิ่มการสมานแผล

• ลดรอยไหม้จากการฉายแสง
วุ้นของว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เย็นสามารถช่วยให้ผิวบริเวณที่อักเสบจากการโดนความร้อนทุเลาลงได้ นอกจากนั้นยังช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายด้วยแสงจากการการฉายรังสี ให้มีความยืดหยุ่นและมีความชุ่มชื่นมากขึ้น

• รักษาแผลจากการโดนบาดจากของมีคม
เนื่องจากสาร อะโลอูรซิน ที่อยู่ในว่านหางจระเข้ มีฤทธิ์ช่วยสมานแผล เมื่อเราทำความสะอาดบาดแผลเสร็จแล้ว นำวุ้นของว่านหางจระเข้มาทาจะช่วยทำให้อาการบาดเจ็บทุเลาและผิวบริเวณแผลจะเกิดการสมานตัวเร็วขึ้น

• ช่วยลดอาการปวดหัว
เพราะว่านหางจระเข้มีวิตามินบี9ที่ออกฤทธิ์คล้ายยาแก้ปวดจึงทำให้อาการปวดหัวทุเลาลงได้โดยการนำกาบสดมาฝานบาง ๆ มาปิดที่ขมับทั้งสองข้าง

• บรรเทาอาการเจ็บคอจากการไอ
การดื่มน้ำว่านหางจระเข้จะช่วยลดอาการเจ็บคอ เนื่องจากว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ในการช่วยสมานแผล ลดอาการอักเสบและปวดแสบในช่องคอ แถมยังช่วยให้ความชุ่มชื้นในช่องคอได้อีกด้วย

• รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
นำวุ้นของว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกล้างให้สะอาด รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 เวลา สาร Traumatic acid ในว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้

• ช่วยให้ฝ้าจางลงได้
โดยการนำวุ้นของว่านหางจระเข้มาทาบริเวณที่เป็นฝ้าก่อนเข้านอน ทำติดต่อกันประมาณ 2-3 สัปดาห์ จะสังเกตได้ว่าฝ้าค่อยๆจางลง เพราะว่านหางจระเข้ จะเข้าไปช่วยให้เซลล์ผิวบริเวณที่เกิดฝ้าเกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและอาการของฝ้าของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน

• ป้องกันการเกิดสิว
เมื่อเรานำวุ้นของว่านหางจระเข้มาทาบนผิวหน้า กรดอ่อนๆที่อยู่ในว่านหางจระเข้ จะทำหน้าที่ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า ลดความมันส่วนเกิน อันเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวได้นั่นเอง

• ชะลอวัย
เพราะในว่านหางจระเข้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความแก่นอกจากนั้นยังมีวิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี ที่มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูและบำรุงผิว ให้ความชุ่มชื่น ปราศจากความหย่อนคล้อยและการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร

• ลดอาการผิวแห้งกร้าน ช่วยเติมน้ำให้ผิว
ว่านหางจระเข้ สามารถช่วยเติมน้ำและความชุ่มชื้นที่ผิวหนังได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตามบริเวณข้อศอก หัวเข่า ส้นเท้า โดยนำวุ้นของว่านหางจระเข้ไปทาบริเวณที่แห้งกร้าน ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น และนุ่มขึ้น

• บำรุงหนังศีรษะให้สุขภาพดี
เพราะในว่านหางจระเข้มีเอนไซม์ที่ช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนหนังศรีษะให้หลุดออก นอกจากนั้นยังมีสารอัลคาไลน์ที่ช่วยปรับค่า PH บนหนังศรีษะช่วยให้หนังศรีษะเกิดความสมดุล จึงช่วยลดความมันส่วนเกินบนหนังศีรษะได้

• บำรุงเส้นผม ช่วยให้เส้นผมเงางาม สุขภาพดี
นำวุ้นของว่านหางจระเข้มาบดละเอียดมาผสมกับน้ำผึ้ง,น้ำมันมะพร้าว,โยเกิร์ตหรือจะเป็นไข่แดงหมักลงบนผมก่อนสระอย่างน้อย 5 นาที จะช่วยให้ผมมีสุขภาพดี ไม่แตกปลาย ลดการขาด หลุดร่วง เพราะในว่านหางจระเข้มีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงเส้นผม มีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างรากผมให้แข็งแรง และยังมีธาตุซีลีเนียม ที่ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของเส้นผมและปกป้องเส้นผมจากการเสื่อมสภาพ ที่สำคัญมีสารเคราตินที่ช่วยทำให้เส้นผมของเราเงางามโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี

การที่เราจะนำว่านหางจระเข้มาใช้ก็ควรต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้ด้วย อาทิเช่น ก่อนนำว่านหางจระเข้มาใช้ประโยชน์ควรทำความสะอาดและล้างยางของว่านหางจระเข้ให้หมดเสียก่อน เราต้องทดสอบอาการแพ้ก่อน ด้วยการนำมาทาที่ผิวบริเวณท้องแขนประมาณ 2-3 นาทีหากไม่มีอาการแสบ เป็นผื่นแดง ก็สามารถนำมาใช้ได้ การใช้ว่านหางจระเข้เป็นยาระบายไม่เหมาะกับผู้หญิงตั้งครรภ์และผู้หญิงที่กำลังจะมีประจำเดือน ยางของว่านหางจระเข้สามารถทำให้ท้องเสียได้หากรับประทานเกิน 0.25 กรัม และวุ้นของว่านหางจระเข้เมื่อนำมาปลอกเปลือกใช้แล้วมีอายุแค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, Sanook, Honestdocs, NationTV, Pobpad